แด่ตำนาน 93.20 “กุน อเกวโร่”

แด่ตำนาน 93.20 “กุน อเกวโร่”


แด่ตำนาน 93.20 “กุน อเกวโร่”  

ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหลังจากการแถลงยุติชีวิตการค้าแข้งของยอดแข้งตำนานของ แมนฯซิตี้อย่าง“เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิงสูงสุดของสโมสร หลังจากที่เขาได้ย้ายมาร่วมทีมกับบาร์เซโลน่า ในฤดูกาล 2021/2022 และได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 5 เกม ยิงไป 1ประตู ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์การเต้นหัวใจผิดปกติ ในเกมที่ บาร์เซโลน่าเสมอกับอลาเบส 1-1 จากการวินิจฉัยของแพทย์ระบุว่า มันคือการเต้นผิดปกติของหัวใจ ซึ่งทีมแพทย์ได้ทำการตรวจเช็กอย่างละเอียดถี่ถ้วน เห็นว่าเคสของ อเกวโร่ ดูเหมือนจะหนักหนากว่าที่คิดเอาไว้ และแนะนำเขาว่าคงต้องเลิกเล่นฟุตบอลเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง


โดยเรื่องนี้ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ของโลกลูกหนังที่จะไม่ได้เห็นยอดแข้งรายนี้วาดลวดลายในสนามต่อไปจนแขว้นสตั้ดอย่างสวยงาม โดยในบทความนี้เราขออุทิศให้แก่ผู้สร้างประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การเคารพ “เซร์คิโอ กุน อเกวโร่”


ย้อนกลับไปในปี 1988 วันที่ 2 มิถุนายน กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า เด็กชาย เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ได้ลืมตาดูโลกครั้งแรก เขาเกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน คุณพ่อมีอาชีพขับรถรับส่งทั่วไป ก่อนที่เขาจะเกิด คุณแม่ของเขาก็มีปัญหาด้านค่าใช้จ่ายในการคลอด อีกทั้งยังอาการภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์


แต่ในสุดท้ายเขาก็ลืมตาดูโลกขึ้นมาในที่สุด ด้วยความที่คุณพ่อมีรายได้เสริมจาการเล่นฟุตบอลให้กับทีมท้องถิ่นช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้ อเกวโร่ ได้ซึมซับสิ่งเหล่านั้นมาจากพ่อตั้งแต่เด็กๆ ตอนอายุ 5 ขวบ เขาก็เล่นฟุตบอลในทุกๆวัน ที่สนามหน้าบ้าน ก่อนที่ในอายุ 9 ขวบ เขาจะได้เข้าไปเป็นนักเตะเยาวชนของทีมอินดิเพนเดนเต้ สโมสรประจำถิ่น การสะสมประสบการณ์ฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆบวกกับพรสวรรค์ในตัวเขา ทำให้ อินดิเพนเดนเต้ ส่งเขาลงประเดิมสนามครั้งแรกด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปี เมื่อปี 2003 เป็นนักเตะประวัติศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุดบนลีกสูงสุดของอาร์เจนติน่า หลายๆสื่อของอเมริกาใต้ต่างพูดถึง


เขาว่า อเกวโร่ มีความแข็งแกร่งครองบอลได้ดี เอาตัวรอดได้ในพื้นที่แคบๆ มีความคล้ายคลึงกับยอดศูนย์หน้าชาวบราซิลอย่าง โรมาริโอ ด้วยเหตุนีเอง ทำให้ยอดทีมจากแดนกระทิงดุอย่าง แอตเลติโก มาดหริด ทุ่มดึงตัวเข้าไปร่วมทีมในปี 2006 ด้วยมูลค่า 20 ล้านยูโร และการผจญภัยบนโลกฟุตบอลของ เซร์คิโอ กุนอเกวโร่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น


ที่นั่นเขากลายเป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่น่าจับตามองของโลก หลังจากพาอาร์เจนติน่าป้องกันแชมป์โลก ในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี พร้อมคว้ารางวัล รองเท้าทองคำโกลเด้นบอลในรายการเยาวชนโลก และถูกยกให้เป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยมของโลกจากนิตยาสารชื่อดังของโลก เวริ์ด ชอคเกอร์ เขาช่วยผลิตประตูเป็นกอบเป็นกำให้กับแอต.มาดหริด และพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกและยูฟ่าซุปเปอร์คัพในฤดูกาล 2009/2010

ก่อนที่ถัดมาจะถูกแมนฯซิตี้ ซื้อไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ในปี 2011 ในช่วงแรกก็มีเสียงวิจารณ์ต่อตัวเขามากมายเนื่องจากภาพลักษณ์ของนักเตะอเมริกาใต้นั้นไม่ได้ดีในสายตาแฟนฟุตบอลลีกผู้ดี ทั้งเรื่องระเบียบวินัยในการซ้อมและพฤติกรรมต่างๆนอกสนาม


แต่อเกวโร่แตกต่างออกไป เขามีความเป็นมืออาชีพสูงมากทั้งเรื่องการซ้อม และความทุ่มเทอย่างเต็มที่เมื่อครั้งที่ได้รับโอกาสลงสนาม โดยในฤดูกาลแรก เขายิงไปถึง 23 ลูก จากการล่งเล่น 34 นัดในลีก คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล และยังสร้างวินาทีประวัติศาสตร์ ในเกมสุดท้ายที่แมนซิตี้เปิดบ้านพบกับควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ โดยในตอนนั้นแต้มของแมนซิตี้มีเท่ากับแมนฯยูไนเต็ดที่ไปเยือนซันเดอร์แลนด์ ทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากันที่ 86 แต้ม แต่แมนฯซิตี้มีลูกได้เสียที่ดีกว่า นั่นหมายความว่า หากในนัดสุดท้ายทีมใดทีมนึงไม่ชนะขึ้นมา


จะเสียแชมป์ทันที โดยแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแข่งก่อนซิตี้ และคว้า 3 คะแนน ไปได้ ทำให้แต้มของพวกเขามี 89 แต้ม ขึ้นแท่นไปรอรับแชมป์และโยนความกดดันไปให้แมนฯเชสเตอร์ซิตี้ทันที ทางด้านซิตี้เริ่มต้นเกมนี้ได้ไม่ค่อยดีนักหลังถูกควีนส์ปาร์คเรนเจอร์ยิงประตูนำไปถึง 2 ครั้ง สกอร์ตามหลังที่ 2-1 ในตอนนั้นสนามเอดิฮัต สเตเดี้ยมเป็นไปด้วยความเงียบสงัด เพราะเหลือแค่เพียงช่วงทดเวลา กับการที่ต้องการ 2 ประตู ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากกับสถานการณ์ในตอนนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หลังจากที่ผู้ตัดสินที่ 4 ชูป้าย ทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาที เหล่านักเตะซิตี้ เร่งกำลังกันอย่างเต็มที่ทั้งหมด และในนาทีที่ 91 ดาบิด ซิลวา เปิดมุมมาให้ อเดนเชโก้ โหม่งเข้าไปตีเสมอเป็น 2-2 ทำให้เสียงในเอดิฮัต สเตเดี้ยมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้คนต่างเปล่งเสียงเชียร์อย่างกึกก้องเปรียบเสมือนลงไปเล่นเองในสนาม และแล้ววินาทีประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นในนาทีที่ 93.20 มาริโอบาโลเตลลี่ ผู้ที่ไม่เคยทำแอสซิสต์ได้เลยในฤดูกาลนี้


กลับได้ทำการไหลบอลให้เซร์คิโอ อเกวโร่ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่จะตะบันด้วยขวาเน้นๆ ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายในช่วงเวลาสุดท้ายของเกม นั่นคือหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลพรีเมียลีค ที่ไม่มีใครลืม การพรากเอาแชมป์จากอริร่วมเมืองอย่าง แมนยู ในวินาทีสุดท้ายเป็นอะไรที่จะสะใจไปไม่ได้มากกว่านี้อีกแล้ว และถือเป็นแชมป์ลีคครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร แน่นอนว่าตั้งแต่วินาทีนั้นชื่อของ อเกวโร่ก็ได้จารึกลงไปในความทรงจำของแฟนบอลแมนฯซิตี้ไปโดยปริยาย และเป็นการเริ่มต้นทศวรรษความยิ่งใหญ่ของแมนซิตี้จนมาถึงในปัจจุบัน


ผลงานของอเกวโร่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับแมนซิตี้ ตลอด 10 ปี เขาลงสนามช่วยทีมไปทั้งหมด 390 เกม ยิงไป 260 ประตู กับอีก 73 แอสซิสต์ จากทุกรายการ กวาดไปทั้งหมด 16 แชมป์ เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จทุกถ้วยในเกาะอังกฤษ ในนามทีมชาติเขาช่าวยฟ้าขาวอาร์เจนติน่ายิงไปทั้งหมด 41 ประตู คว้าแชมป์ U-20 แชมป์โอลิมปีก ปี 2008 แชมป์โคปา อเมริกา เมื่อกลางปีที่ผ่านมา นี่คือผลงานที่เขาได้ฝากเอาไว้ให้กับแฟนๆโลกลูกหนังจดจำ เชื่อว่าหลายคนคงเสียดายไม่น้อยที่ยอดแข้งรายนี้ต้องจบชีวิตการค้าแข้งด้วยปัญหาทางด้านความผิดปกติทางด้านหัวใจ ทั้งๆที่เขาควรมีฉากจบที่สวยงามเฉกเช่นตำนานคนอื่นๆ


อย่างไรก็ตามเราทุกคนจะจดจำเขาไม่ใช่ในฐานะตำนานของซิตี้หรือตำนานของอาร์เจนติน่าแต่จะจดจำในฐานะดาวยิงระดับตำนานคนนึงของโลกฟุตบอลใบนี้


ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นกนางนวล ไบรท์ตัน